หากเรามองจาก ท้องฟ้า เราจะเห็น สิ่งที่เคลื่อนไหว ภายใต้ ของความคิดเรา ถ้าเรามองขึ้นไปจากใจเรา เราจะเห็น ทุกชีวิต กำลังดิ้นรน เพื่อ แสวงหา อาหาร เพื่อ หล่อเลี้ยง ชีวิตของตนเอง และ สิ่งที่ตนรัก และเป็นที่รัก ของตนเอง และแล้ว ทุกชีวิต ก็ พบว่า ความกระหายใคร่ ได้ ใคร่มี ใคร่เป็น หรือ ความทะยานอยาก นี่เอง ที่เป็นสาเหตุ ให้มนุษย์ ต้องเดินทางอยู่ ตลอดชีวิต ลองหยุดเดินทางด้วยยานพาหนะ แล้วหันมาเดินทาง ด้วยจิตวิญญาณ แล้วการ เดินทางไกล จะใกล้เข้าทุกขณะจิต หายใจเข้า ตามรู้ หายใจออก ตามรู้
วันเสาร์ที่ 8 เมษายน พ.ศ. 2560
เอกายนมรรคคำว่าเอกายนมรรค มีความหมายลึกซึ้ง ที่ควรจะพรรรนาได้มีถึง 4 ประการ 1. เป็นทางเอก ที่จะต้องไปผู้เดียว ซึ่งมีอรรถาธิบายว่า เมื่อผู้ใดเห็นภัยในวัฏสงสารต้องการจะเดินทางไปทางนี้แล้ว จะต้องไปผู้เดียวจะมัวเที่ยวห่วงหน้าห่วงหลัง หวังจะเอาพี่น้อง พ่อแม่ ปู่ ย่า ตา ยาย ครูบาอาจารย์พ่วงท้ายไปเป็นเพื่อนด้วยไม่ได้ ต้องละจากการคลุกคลีด้วยหมู่คณะ อันเอะอะอึกทึกครึกโครมไปตามประสาโลกต่างๆ แล้วย่างเข้าไปในที่อันสงบเงียบพอสมควร ง่วนอยู่แต่การปฏิบัติแต่เพียงผู้เดียว เดินไปบนขาของตนเองอย่างปลอดเปลี่ยว ไม่เหลียวหลังและหยุดยั้ง ตั้งหน้าเดิมไปในทางเอกคือพระมหาสติปัฏฐานนี้ 2. เป็นทางเอก ที่สมเด็จพระพุทธเจ้าพระองค์เดียวเท่านั้นทรงแสดงเอาไว้ ซึ่งมีอรรธิบายว่า ท่านผู้มีฤทธาศักดาเดชเหล่าอื่นย่อมไม่สามารถที่จะนำเอาทางนี้มาแสดงให้พวกเรารู้ได้ ไม่ว่าใครทั้งนั้นไม่ว่าจะขึ้นขึ้นชื่อลือเลื่องในไตรโลก เช่น พระฤษีโยคีมีฌานกล้าสามารถแสดงฤทธาได้ต่างๆ ก็ดี หรือสมเด็จท้าวโกสียอมรินทราธิราชผู้มากด้วยบุญฤทธิ์ ซึ่งสถิตอยู่สรวงสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ก็ดี หรือพระพรหมที่วิเศษสุดในบรรดารูปพรหมด้วนกัน ซึ่งสถิตอยู่เบื้องอัสัญญสัตตาวาส สามารถอธิษฐานตนไม่ให้มีนามคือความคิด นั่ง นอน ยืนบนพรหมวิมานตลอดกาลนานนับเป็นมหากัปก็ดี หรือพระพรหมผู้ไม่มีรูปเพราะมีฌานแก่กล้า สามารถอธิฐานสรีระให้ละลายหายไป ทั้งนามคือความคิดก็เหลืออยู่น้อยนักหนา ขนาด นวสัญญานาสัญญาตนอรูปพรหมมีความสุขสมปรารถนาอายุยืนนานได้ 84000 มหากัปก็ดี ท่านเหล่านี้ถึงแม้มีฤทธิ์มีปัญญาดีวิเศษศักดิ์แค่ไหนก็ตาม แต่จะมีปัญญาค้นคว้าหาเอกายนมรรค คือทางเอกนี้ให้เห็น และนำเอามาแสดงแก่ชาวโลก ย่อมไม่ได้ เพราะเป็นสิ่งที่เหลือวิสัยแห่งตน มีแต่สมเด็จพระทศพลสัมมา สัมพุทธเจ้า พระองค์ผู้สั่งสมพระบารมีมาเพื่อพระปรมาภิเษกสัมโพธิญาณ โดยพระประสงค์จะทรงรื้อสัตว์ขนสัตว์ไปพ้นจากวัฏสงสาร พระพุทธองค์ท่านพระองค์เดียวเท่านั้น จึงจะทรงค้นพบและทรงแสดงทางเอกนี้แก่ชาวโลกได้ ฉะนั้นทางนี้จึงเป็นเอกายนมรรค ทางสมเด็จพระพุทธเจ้าพระองค์เดียวทรงแสดงไว้ 3. เป็นทางเอกที่จะพาผู้เดินให้ไปถึงโลกุตรธรรม คือพระนิพานได้ ซึ่งมีอรรถาธิบายว่า ตามธรรมดาสัตว์โลกหรือพูดอีกทีให้ฟังกันง่ายๆ ตัดตอนเอาเฉพาะแต่คนเรานี่ คนเรานี้เกิดมาแล้วใช่ว่าจะอยู่ได้นานจักต้องถึงซึ่งความตายเข้าซักวันหนึ่งข้างหน้าอย่างแน่นอน ที่นี้ในระหว่างที่มีชีวิตอยู่ถ้าก่อกรรมทำเข็ญประพฤติกรรมลามก ใจสกปรกมากไปด้วยบาปพอตายแล้วก็ต้องจากโลกนี้เดินทางจมดิ่งไปที่เดียวคือเมืองนรก เมืองเปรต เมืองอสุรกาย หรือเมืองสัตว์เดียรัจฉาน อันเป็นอบายภูมิโน่น หากว่าได้เคยมีจิตเมตตากอบด้วยศัทธาเสื่อมใส เคยให้ทาน เคยจำศีล ซึ่งเรียกว่าเป็นคนใจบุญใจกุศล พอสูญสิ้นชนม์ตายไปแล้ว ก็ย่อมจะเคลื่อนแคล้วเดินไปตามเส้นทางที่ดี คือทางไปสู่สุคติโลกสวรรค์ ไปอยู่บนวิมารชั้นฟ้า ถ้าเป็นคนมีน้ำใจเด็ดเดี่ยว อยากได้ดีขึ้นไปกว่านั้น มีความมั่นอุสาหะอย่างแรงกล้า บำเพ็ญสมถกรรมฐานจนได้สำเร็จฌานสมาบัติพอดับขันธ์ตายไปก็ต้องเดินทางไปตามเส้นทางอันสูงสุด ไปอุบัติเกิดบนพรหมโลก เป็นอันว่าเราทั้งหลายเมื่อตายไปแล้วย่อมเดินทางไปบนเส้นทางต่างๆๆกัน แต่ทางเหล่านั้นหาใช่ทางเดินไปสู่พระนิพาน ทางที่ว่านั้นคือ พระหมาสติปัฏฐาน อันเป็นเอกายนมรรคซึ่งเป็นทางเอกและเป็นทางที่จะพาเดินไปสู่พระนิพพานอันเป็นที่เกษมศานต์อย่างเอกแห่งเดียว 4. เป็นทางเอกที่มีอยู่แห่งเดียว คือมีเฉพาะในพระบวรพุทธศาสนาเท่านั้น ซึ่งอรรถาธิบายว่า ในโลกนี้ใช่ว่าจะมีพระพุทธศาสนาเพราะไม่มีองค์สมเด็จพระสัมมาพุทธเจ้าเสร็จมาอุบัติตรัสในโลกแต่ในบางเวลาก็มีพุทธศาสนาปรากฏอยู่ เช่นปัจจุบันทุกวันนี้ระหว่างกาลที่มีพุทธศาสนากับมีมีนี้ โดยมากปรากฏว่ากาลที่มีมีพระพุทธศาสนานั้นแหละ เป็นเวลาที่มากกว่ากาลที่มีพุทธศาสนาเป็นไหนๆ ทีนี้ในกาลที่โลกสูญเปล่าไม่มีพุทธศาสนา ถึงจะมีเจาลัทธิเป็นอันมาก พยายามสั่งสอนประชานิกรชาวโลกให้ปฏิบัติตามลัทธิคำสอนแห่งตน จนชาวโลกเคารพนับถือเป็นอันมากก็จริง แต่ศาสดาลัทธิทั้งหลายเหล่านั้น ก็ไม่สามารถที่จะบรรจุเอกายนมรรคทางเอกไปสู่แดนพระนิพานนี้เข้าไว้ได้ทั้งหมด เพราะเป็นสิ่งที่อยู่เหนือความสามารถแห่งตน ครั้นสมเด็จพระทศพลสัมมาสัมพุทธเจ้า เสด็จอุบัติตรัสในโลกนี้ทรงประกาศสัจธรรมประดิษฐานพระบวรพุทธศาสนาขึ้นแล้ว ในสมัยนี้เท่านั้น พระองค์ผู้เป็นพระบรมโลกุตมาจารย์ จึงได้ทรงประทางเอกายนมรรค อันเป็นทางเข้าไปสู่พระนิพาน เพื่อดับทุกภัยในโลกทั้งหลาย ซึ่งเป็นจุดหมายปลายทางสูงสุดของพุทธศาสนา ฉะนั้นจึงได้อุตส่าห์กล่าววกเวียนย้ำเพื่อให้ทราบว่า พระมหาสติปัฏฐานอันประเสริฐนี้ ย่อมเป็นเอกายนมรรคทรงไว้ซึ่งความเป็นเอกทั้ง 4 ประการ คือทางเอกที่ผู้ปฏิบัติจะต้องเดินไปผู้เดียวประการหนึ่ง เป็นทางที่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ผู้ทรงเป็นเอกอัครบรมศาสดาเท่านั้น จักสามารถแสดงได้ประการหนึ่ง เป็นทางเอกที่จะพาผู้ปฏิบัติให้เดินไปถึงธรรมอันเอก คือพระนิพพานประการหนึ่ง และเป็นทางเอกที่ปรากฏมีอยู่ในแห่งเดียวคือพระบวรพุทธศาสนา อันเป็นศาสนาที่ประเสริฐล้ำค่าเป็นเอกในโลกนี้ประการหนึ่ง พระสัมพุทธเจ้าจึงได้ตรัสว่า พระหมาสติปัฏฐานนี้เป็นทางให้เกิดความบริสุทธิ์แห่งสัตว์โลก เป็นทางระงับเสียซึ่งความเศร้าโศกเสียใจพิไรรำพัน เป็นทางให้ถึงความสิ้นทุกข์โทมนัส เป็นทางให้ได้ซึ่งธรรมที่ควรรู้ยิ่ง และเป็นทางให้ได้ซึ่งพระนิพพาน ดังนี
สมัครสมาชิก:
ส่งความคิดเห็น (Atom)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น