วันศุกร์ที่ 6 มกราคม พ.ศ. 2560

Buddan Saranan Gachchami _ (Original) Mohideen Beg _ New Sinhala Songs...

BUDDHAM SARANAM GACCHÃMI
DHAMMAM SARANAM GACCHÃMI
SANGG̣HAM SARANAM GACCHÃMI
GHABADAE JAB MAN-ANAMOL HRIDYA HO UTHE ḌAṆVAḌOL.
GHABADAE JAB MAN-ANAMOL AUR HRIDYA UTHE HO ḌAṆVAḌOL.
HO TAB MANAV TO MUKHASE BOL. BUDDHAM SARANAM GACCHÃMI.
HĨ TAB MANAV TO MUKHASE BOL. BUDDHAM SARANAM GACCHÃMI.
BUDDHAM SARANAM GACCHÃMI
DHAMMAM SARANAM GACCHÃMI
SANGG̣HAM SARANAM GACCHÃMI
JAB AṢANTIKÃ RAG UTHE LÃLLAHUKÃ̃ PHAG UTHE.
HINSÃ KI TO ÃG UTHE MÃNAV MEṆ PAṢU JAG̣ UTHE.
UPARASE MUSAKÃ TE NAN BHITÃR DAHAKA RAHE TO HO.
HO TAB MANAV TO MUKHASE BOL. BUDDHAM SARANAM GACCHÃMI.
HĨ TAB MANAV TO MUKHASE BOL. BUDDHAM SARANAM GACCHÃMI.
BUDDHAM SARANAM GACCHÃMI
DHAMMAM SARANAM GACCHÃMI
SANGG̣HAM SARANAM GACCHÃMI.
(BUDDHAM SARANAM GACCHÃMI)
JAB DUNIYÃN SE PYAR UTHE.
JAB DUNIYÃN SE PYAR UTHE .
NAPHARAT KĨ DĨVÃR UTHE.
MÃN KI MAMATÃ PAR USKĨ BEṬEKI TALAVÃR UTHE.
DHARATĨ KĨ KÃYÃKÃPE AMBAR DAGMAG UTHE DOL .
HO TAB MÃNAV TO MUKHASE BOL.
BUDDHAM SARANAM GACCHÃMI.
HĨ TAB MANAV TO MUKHASE BOL.
BUDDHAM SARANAM GACCHÃMI.
BUDDHAM SARANAM GACCHÃMI.
DHAMMAM SARANAM GACCHÃMI.
SANGG̣HAM SARANAM GACCHÃMI.
DŨR KIYÃ JISANE JANAJANAKE VYÃKULMANAKÃ ANDHIYÃRÃ JISAKI
EKA KIRNAKO CHŨKAR CAMAK UTHÃ YE JAGA SÃRÃ..
DĨPA SATYAKÃ SADÃ JALE.
DAYÃ AHIṂSA SADÃ PALE.
SUKHAṢANTI KĨ CHAYAM MEṆ JAN GAṆA MANAKÃ PREM PALE.
PHÃRAT KE BHAGAVAN BUDDHAKÃ GŨÑJE GHARGHAR MANTRA AMOL.
HE MÃNAV NITA MUKHASE BOL.
BUDDHAM SARANAM GACCHÃMI.
HE MÃNAV NITA MUKHASE BOL.
BUDDHAM SARANAM GACCHÃMI.
BUDDHAM SARANAM GACCHÃMI.
DHAMMAM SARANAM GACCHÃMI.
SANGG̣HAM SARANAM GACCHÃMI.
เมื่อใดแล เหล่ามนุษย์ผู้ถือตนว่าเป็นสัตว์ประเสริฐ ได้เกิดความหวาดกลัว หรือว่า เกิดหัวใจสะดุ้งหวั่นไหว
เมื่อนั้น ขอให้ท่าน จงเปล่งคำว่า “พุทฺธํ สรณํ คจฺฉามิ” ไว้เถิด
เมื่อนั้น ขอให้ท่าน จงเปล่งคำว่า “พุทฺธํ สรณํ คจฺฉามิ” ไว้เถิด
เมื่อใดแล เกิดความมัวเมาอันเป็นเหตุแห่งความไม่สงบวุ่นวาย
พื้นแผ่นดินไหลอาบนองแดงฉานไปด้วยเลือด
เปลวไฟแห่งความมุ่งร้ายเบียดเบียนแผดเผากระจายไป
จิตใจของมวลหมู่มนุษย์กลับกลายไปเป็นดั่งเดรัจฉาน
มีใบหน้ายิ้มแย้มแจ่มใส แต่ภายในแผดเผาเร่าร้อน
เมื่อนั้น ขอให้ท่าน จงเปล่งคำว่า “พุทฺธํ สรณํ คจฺฉามิ” ไว้เถิด
เมื่อนั้น ขอให้ท่าน จงเปล่งคำว่า “พุทฺธํ สรณํ คจฺฉามิ” ไว้เถิด
"พุทธํ สรณํ คจฺฉามิ ธมฺมํ สรณํ คจฺฉามิ สงฺฆํ สรณํ คจฺฉามิ"
เมื่อใดแล ความรักเมตตาแห้งเหือดหายไปจากโลก
ความกรุณาสงสารก็แห้งเหือดหายไป
คนทั้งหลายเชือดเฉือนสายใยแห่งความรัก แม้ของมารดาตนเอง
เกิดผืนแผ่นดินเลื่อนลั่น ฟ้าสั่นไหว
เมื่อนั้น ขอให้ท่าน จงเปล่งคำว่า “พุทฺธํ สรณํ คจฺฉามิ” ไว้เถิด
เมื่อนั้น ขอให้ท่าน จงเปล่งคำว่า “พุทฺธํ สรณํ คจฺฉามิ” ไว้เถิด
"พุทธํ สรณํ คจฺฉามิ ธมฺมํ สรณํ คจฺฉามิ สงฺฆํ สรณํ คจฺฉามิ"
พระผู้มีพระภาคเจ้าพระองค์ใดแล
ผู้ทรงขจัดเสียซึ่งความมืดมิดภายในจิตใจที่เร่าร้อนของปวงประชา
มวลหมู่สรรพสัตว์ทั้งหลาย ได้พบหนทางแสงสว่าง
เพียงแค่ได้สัมผัสเส้นใยแห่งรัศมีที่แผ่ออกมาของพระผู้มีพระภาคเจ้าพระองค์ใด
ด้วยอานุภาพของพระผู้มีพระภาคเจ้าพระองค์นั้น
ขอพระสัทธรรมอันเป็นที่พึ่งพิง ขออริยสัจจ์คือความจริง จงเจริญรุ่งเรืองตลอดกาลนาน
ขอมวลหมู่มนุษย์จงเห็นอกเห็นใจเกื้อกูลเอ็นดูกันเถิด
ขอบทแห่งมนต์อันประเสริฐ ของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าของชาวภารตะ (อินเดีย)
จงกระหึ่มกังวานไปในทุกครัวเรือน
เพื่อนมนุษย์เอ๋ย ขอให้ท่าน จงหมั่นเปล่งคำว่า "พุทฺธํ สรณํ คจฺฉามิ" ไว้บ่อย ๆ เถิด
"พุทฺธํ สรณํ คจฺฉามิ ธมฺมํ สรณํ คจฺฉามิ สงฺฆํ สรณํ คจฺฉามิ”

1 ความคิดเห็น:

  1. #มรรคจิตผลจิตธาตุรู้ก็จิตนั่นแหละมันเป็นจิตอีกอย่างหนึ่งพอจิตดวงเก่ามันดับไปจิตที่อยู่ในภพภูมิต่างๆมันดับไป#มันทวนกระแสเข้าหาจิตที่เหนือภพเหนือภูมิทวนกระแสเข้ามาขณะที่มันปล่อยวางจิตดวงเดิมนะแล้วก็ทวนเข้ามาแต่ยังไม่ถึงธาตุรู้นะคาบลูกคาบดอก
    ไม่ได้เกาะขันธ์แล้วนะ แต่ก็ยังเข้ามาไม่ถึงตัวธาตุรู้ ไม่ถึงอมตะธาตุอมตะธรรม ไม่ถึงพระนิพพาน
    #ธาตุรู้ไม่ใช่พระนิพพานนะแต่ธาตุรู้ไปเห็นพระนิพพาน ต้องแยกให้ออก
    มันยังทวนไม่ถึงธาตุรู้ ไม่ใช่ปุถุชน ไม่ใช่พระอริยะ
    #ทำไมไม่ใช่ปุถุชนเพราะมันปล่อยขันธ์แล้วขันธ์สุดท้ายที่มันปล่อยก็คือจิต
    ไม่ใช่พระอริยะ เพราะยังไม่เข้ามาถึงธาตุรู้ ไม่เข้าถึงพระนิพพาน
    ตัวธาตุรู้นั่นแหละเป็นตัวไปเห็นพระนิพพาน
    #ตรงนี้นะเรียกว่าโคตรภูญาณญาณข้ามโคตรมีปัญญาข้ามโคตร
    ข้ามโคตรจากโคตรไหนมาสู่โคตรไหน? จากโคตรของปุถุชนมาสู่โคตรของอริยชน#เธออย่าได้กล่าวคำหยาบต่อใครๆคนที่ถูกเธอว่ากล่าวจะกล่าวโต้ตอบเธอเพราะว่าถ้อยคำที่โต้เถียงกันก่อให้เกิดทุกข์และการทำร้ายโต้ตอบกันจะมาถึงเธอ#ถ้าเธอทำตนให้นิ่งเงียบได้เหมือนกังสดาลที่ตัดขอบปากออกแล้วเธอก็จะบรรลุนิพพานได้การโต้เถียงกันก็จะไม่มีแก่เธอ#เวลาที่จิตจะเกิดมรรคผลนั้นจิตจะรวมเข้าอัปนาสมาธิเพราะฉะนั้นเวลาท่านพูดถึงองค์มรรคสัมมาสมาธิท่านจะพูดด้วยอัปนาสมาธิด้วยฌาน๔พวกเราตอนที่เจริญสติอยู่นี่เรียกว่าเจริญบุพพภาคมรรคเบื้องต้นแห่งมรรคยังไม่เป็นฌานนะเราหัดเจริญสติอยู่ในชีวิตประจำวันอย่างนี้ถึงวันที่อริยมรรคจะเกิดจิตจะรวมเข้าฌานโดยอัตโนมัตินะ จิตเวลาที่เกิดมรรคเกิดผล
    จะไม่เกิดในจิตของคนธรรมดาที่เรียกว่ากามาวจรจิต กามาวจรภูมิ
    ไม่เป็นอย่างนั้น จะต้องเข้าฌานนะ เมื่อมันรวมเข้าไปแล้วมันจะเห็น
    สภาวะธรรมนี่เกิดดับสองขณะหรือสามขณะ แต่ละคนไม่เท่ากันนะ
    ถัดจากนั้นจิตจะวางการรู้อารมณ์ ทวนกระแสเข้ามาหาธาตุรู้
    สิ่งที่ห่อหุ้มปกคลุมธาตุรู้อยู่นี่ ถูกอริยมรรคแหวกออกไป
    แล้วก็มันจะไปเห็นนิพพานนะ นิพพานไม่ใช่ว่างเปล่า
    นิพพานไม่ใช่โลกๆหนึ่ง พวกเรายังไม่เคยเห็น
    เราก็วาดภาพสุดโต่งไปสองข้าง ข้างหนึ่งก็นิพพานเป็นโลกๆหนึ่ง
    พวกนี้พวกสัสตะทิฐิ มีของที่เที่ยงคงที่
    อีกพวกหนึ่งคิดว่านิพพานสูญไปเลย ขณะนั้นไม่มีอะไรเหลือเลย
    กระทั่งสติ พวกนี้หลงไปล่ะ คิดว่านิพพานไม่มีอะไรเลย
    นี่พวกอุจเฉททิฐินะ นิพพานมีนะ นิพพานมีสภาวะรองรับ
    สภาวะของนิพพานคือสันติ คือความสงบนั่นเอง
    สงบจากอะไร สงบจากกิเลส
    สงบจากอะไร สงบจากความปรุงแต่ง
    สงบจากอะไร สงบจากการแบกหามขันธ์นะ ดังนั้นเราภาวนานะ

    ตอบลบ