หากเรามองจาก ท้องฟ้า เราจะเห็น สิ่งที่เคลื่อนไหว ภายใต้ ของความคิดเรา ถ้าเรามองขึ้นไปจากใจเรา เราจะเห็น ทุกชีวิต กำลังดิ้นรน เพื่อ แสวงหา อาหาร เพื่อ หล่อเลี้ยง ชีวิตของตนเอง และ สิ่งที่ตนรัก และเป็นที่รัก ของตนเอง และแล้ว ทุกชีวิต ก็ พบว่า ความกระหายใคร่ ได้ ใคร่มี ใคร่เป็น หรือ ความทะยานอยาก นี่เอง ที่เป็นสาเหตุ ให้มนุษย์ ต้องเดินทางอยู่ ตลอดชีวิต ลองหยุดเดินทางด้วยยานพาหนะ แล้วหันมาเดินทาง ด้วยจิตวิญญาณ แล้วการ เดินทางไกล จะใกล้เข้าทุกขณะจิต หายใจเข้า ตามรู้ หายใจออก ตามรู้
วันพุธที่ 28 พฤษภาคม พ.ศ. 2557
คำว่า “ ฝั่งนี้” ได้แก่ อายตนะภายในหก คือ ตา หู จมูก ลิ้น กาย และใจ คำว่า ”ฝั่งโน้น” ได้แก่ อายตนะภายนอกหก คือ รูป เสียง กลิ่น รส สัมผัส และธรรมารมณ์ คำว่า ”จมน้ำ” ได้แก่ ความผูกพันกับสิ่งที่มีชีวิตและสิ่งที่ไม่มีชีวิต คำว่า “ เกยบก” ได้แก่ ความทะนงตน คำว่า ”ถูกคนเก็บไป” ได้แก่ การคลุกคลีกับคฤหัสถ์อย่างไม่เหมาะสม คำว่า ”ถูกอมนุษย์ยึดเอาไว้” ได้แก่ การบำเพ็ญกุศลโดยปรารถนาให้บังเกิดในเทวโลกหรือพรหมโลก คำว่า ”ถูกกระแสน้ำวนดูด” ได้แก่ ความเพลิดเพลินในกามคุณห้า คำว่า ”ผุพัง” ได้แก่ การเสแสร้งทำเป็นผู้ทรงศีล ทั้งที่ไม่ใช่ผู้ทรงศีลโดยแท้ แม้พระพุทธองค์จะทรงแสดงพระธรรมเทศนานี้แก่เหล่าภิกษุเท่านั้น แต่ก็จัดว่าเกี่ยวเนื่องกับทุกชนชาติและทุกศาสนา เพราะไม่ว่าใครก็ตามที่ไม่มีโทษแปดอย่างดังกล่าว ย่อมจะบรรลุถึงมหาสมุทรคือพระนิพพานได้เมื่อเขาบรรลุถึงมหาสมุทรคือพระนิพพานแล้ว ก็จะหลุดพ้นจากการเวียนว่ายตายเกิดและบรรลุถึงที่สุดแห่งทุกข์ ในพระธรรมเทศนาบางแห่งของพระพุทธองค์ พระพุทธดำรัสว่า ”มหาสมุทร” ระบุถึงการเวียนว่ายตายเกิดในสังสารวัฏ ส่วนพระธรรมเทศนา บางแห่งระบุถึงพระนิพพาน ในพระสูตรนี้ พระพุทธองค์ทรงระบุมหาสมุทรว่าคือพระนิพพาน
สมัครสมาชิก:
ส่งความคิดเห็น (Atom)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น